รวมปาฐกถาภาษาไทย
คำกราบบังคมทูลรายงานสรุปการสัมมนา ปัญหาท้าทายสังคมไทย:
ใครจะได้อะไร? อย่างไร? ประธานสภาสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย
ในการประชุมวิชาการประจำปี ๒๕๓๖ วันเสาร์ที่ ๑๑ ธันวาคม ๒๕๓๖ ขอกราบพระราชทานกราบบังคมทูลทราบฝ่าละอองพระบาท ข้าพระพุทธเจ้า
นายอานันท์ ปันยารชุน ประธานสภาสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย ขอพระราชทานพระราชวโรกาสกราบบังคมทูลรายงานสรุปการสัมมนาประจำปี
๒๕๓๖ ดังต่อไปนี้ การประชุมครั้งนี้ได้ระดมความคิดจากหลายฝ่าย
ภาคแรกเป็นการพิจารณาถึงผลกระทบทางสังคมวัฒนธรรมของการเปลี่ยนแปลงที่เกิดในสังคมไทย
ช่วงสี่ทศวรรษที่ผ่านมาและแนวโน้มในอนาคต ส่วนภาคที่สองเป็นข้อเสนอในเชิงนโยบาย ภาคแรกนั้นพอสรุปได้ดังนี้
ในช่วงเวลาประมาณสี่ทศวรรษที่ผ่านมา ประเทศไทยได้ถูกดึงเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของระบบเศรษฐกิจและการเมืองโลกอย่างเต็มตัว
ยังผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอันยิ่งใหญ่ไพศาลต่อการดำเนินชีวิตของคนไทย รัฐบาลไทยเร่งรัดให้สังคมไทยกระโจนเข้าไปเป็นสังคมอุตสาหกรรม
เร่งสร้างความปรารถนาให้คนไทยทั่วไปมีชีวิตอย่างทันสมัยตามอย่างสังคมตะวันตก ผลกระทบทางสังคมได้หยั่งลึกลงอย่างรุนแรงและรวดเร็วโดยเฉพาะในชนบท
สังคมชนบทที่เคยเลี้ยงตัวเองได้ด้วยทรัพยากรที่อุดมสมบูรณ์ และมีพลังในการดูแลสวัสดิภาพชีวิตของตนเอง
เปลี่ยนบทบาทมาอยู่ที่ท้ายขบวน คอยเป็นบริวารให้แก่ภาคอุตสาหกรรม และระบบเศรษฐกิจเชิงทุนนิยม
การผลิตเชิงพาณิชย์มีสัดส่วนสูงขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ชาวชนบทสามารถพึ่งพิงตนเองได้น้อยลงทุกที จากเนื้อหาของรายงานและการอภิปราย
พอสรุปได้ว่าประเด็นของผลกระทบที่สำคัญทางสังคมมีดังนี้
- การเสื่อมสลายของสถาบันสังคมในท้องถิ่น
ในชนบทไทยสมัยก่อน
สถาบันทางสังคมในแต่ละท้องถิ่นมีบทบาทสำคัญในการสร้างและพิทักษ์รักษาคุณภาพชีวิตของผู้คน
หมู่บ้านในภูมิภาคต่าง ๆ จะมี แก่บ้าน บ้าง ผู้อาวุโสในหมู่บ้านบ้าง เป็นผู้นำที่ลูกหลานในหมู่บ้านเชื่อฟัง
และให้ความเคารพยำเกรง มีการจัดการรักษา และการแบ่งปันการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ เช่น
การใช้ป่า แหล่งน้ำ และที่ดิน นอกจากนั้นโครงสร้างครอบครัว ความเป็นญาติกัน และการพึ่งพากันและกันในขั้นตอนต่าง
ๆ ของการทำการเกษตร ได้มีส่วนสร้างระเบียบในการดำเนินชีวิตของชุมชน และเป็นสายใยให้เกิดความเอื้ออาทรระหว่างชาวบ้านด้วยกัน
สถาบันสังคมเหล่านี้
ล้วนเสื่อมกำลังลง แก่บ้าน ถูกแทนที่ด้วยกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้อาวุโสกลายเป็นคนเชยไม่ทันสมัย
ครอบครัวและเครือญาติถูกกระทบจนระส่ำระสาย เมื่อไม่สามารถเลี้ยงตัวได้ด้วยการเกษตร
และสมาชิกต้องออกไปทำงานนอกหมู่บ้าน - คนบางกลุ่มประสบชะตากรรมที่ลำบากมากขึ้น
ผู้หญิงเคยมีตำแหน่งมีความสำคัญอย่างยิ่งยวดต่อชีวิตของหมู่บ้านในชนบท
เนื่องจากในอดีต เขย มักจะย้ายมาอยู่ในบ้านของพ่อตา และทำนาในที่ของผู้หญิง ผู้หญิงจึงเป็นตัวเชื่อมสายสัมพันธ์ระหว่างญาติภายในหมู่บ้าน
แต่การพัฒนาอุตสาหกรรมและการเติบโตของเมืองนั้น อาศัยแรงงานของผู้หญิงในชนบท มาทำงานโรงงาน
เป็นโสเภณีและงานบริการต่าง ๆ สูงมาก ในกระบวนการของการเปลี่ยนแปลงนี้ ผู้หญิงซึ่งเคยเป็นคนสำคัญของหมู่บ้าน
ต้องกลายมามีสถานภาพอันต่ำต้อย ในสถานบริการทางเพศบ้าง โรงงานบ้าง ทำงานในสภาพที่เลวร้ายและเก็บรายได้อันน้อยนิดส่งให้พ่อแม่ในชนบทเพื่อทดแทนบุญคุณ นอกจากผู้หญิงแล้ว
ชาวนารายเล็ก ก็เป็นกลุ่มคนอีกกลุ่มหนึ่งที่อยู่ในฐานะลำบาก การผลิตที่นับวันแต่จะใช้ทุน
ทำให้พวกที่มีทุนเดิมอยู่แล้วปรับตัวได้ดีกว่า ชาวนารายเล็กจึงประสบปัญหามาก และรายที่ปรับตัวไม่สำเร็จก็จะสูญเสียที่ทำกิน
กลายเป็นแรงงานรับจ้างในชนบทและในเมืองต่อไป
- การเกิดขึ้นของคนกลุ่มใหม่ในสังคม
ในขณะที่คนบางกลุ่ม
เป็นผู้อาวุโสของหมู่บ้าน ผู้หญิงหรือชาวนาเล็ก ๆ ที่เคยมีบทบาทสำคัญในชีวิตชนบท
ถูกเบียดจนตกเวทีไปก็มี คนอีกกลุ่มหนึ่งที่โตขึ้นมา คนเหล่านี้คือ เจ้าพ่อ ซึ่งเป็นผู้มีอิทธิพลในท้องถิ่น
พ่อค้าหรือนักลงทุน เจ้าพ่อเหล่านี้มักจะพัฒนาเครือข่ายความสัมพันธ์และมีลูกน้องอยู่ในตำบลและหมู่บ้านต่าง
ๆ เจ้าพ่อเป็นผู้ที่สามารถสะสมความมั่งคั่งขึ้นมา ในช่วยการพัฒนา และเป็นผู้ที่ชาวบ้านจำเป็นต้องพึ่งพิง
เนื่องจากการขยายตัวของรัฐเข้าไปในหมู่บ้านนั้น เป็นการขยายเพื่อนำเอาทรัพยากร มาเป็นประโยชน์แก่ภาคอุตสาหกรรมและคนในเมือง
แต่มิได้ขยายเพื่อดูแลสวัสดิการแก่ชีวิต ของคนชนบท ทางด้านในเมืองซึ่งเป็นหัวขบวนของการพัฒนานั้นคนกลุ่มสำคัญที่เติบโตขึ้น
คือคนชั้นกลาง คนชั้นกลางนี้มีหลายอาชีพ หลายระดับฐานะ เช่น นักอุตสาหกรรม นักธุรกิจ
นักวิชาชีพ ผู้มีการศึกษาและมีทักษะที่เป็นที่ต้องการสำหรับชีวิตใหม่ คนเหล่านี้เป็นผลผลิตของความทันสมัย
มีความปรารถนาและความสามารถในการสะสมความมั่งคั่งสูง รวมทั้งได้พัฒนาวัฒนธรรมของกลุ่มตน
เช่น การให้คุณค่าแก่ความเป็นส่วนตัว การมีชีวิตที่อิสระจากชุมชน เครือญาติซึ่งเป็นวัฒนธรรมอีกแบบหนึ่งที่มิได้มีรากมาจากวัฒนธรรมของสังคมเกษตร
คนชั้นกลางได้มีบทบาทในการปรับเปลี่ยน ระบบการเมืองให้เปิดกว้างเสรีขึ้น และได้เข้าไปมีบทบาทในการบริหารประเทศผ่านทางระบบการเมืองและการเลือกตั้ง
โลกทัศน์และวัฒนธรรมที่มีความเป็นสากลสูง กำลังแพร่หลายออกไปยังคนกลุ่มอื่น
- ช่องว่างที่มีหลายมิติ
สังคมไทยภายหลังสี่ทศวรรษแห่งการเปลี่ยนแปลง
จึงเป็นสังคมที่มีช่องว่างในหลาย ๆ ด้านทางด้านสังคมเศรษฐกิจนั้น ช่องว่างระหว่างรายได้และโอกาสในชีวิต
ระหว่างภาคอุตสาหกรรมกับภาคเกษตร ระหว่างเมืองกับชนบทนั้นเป็นที่ทราบกันดีอยู่ แต่การเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของคนไทยได้ทำให้เกิดช่องว่างที่น่ากลัวอีกชนิดหนึ่ง
คือ ช่องว่างระหว่างทัศนะที่ใช้ในการมองโลก และการให้คุณค่ากับสิ่งต่าง ๆ ที่ไม่เหมือนกัน
คนชนบทในอดีตให้ความสำคัญแก่ พี่น้องพรรคพวกผู้ใหญ่ เพราะการดำเนินชีวิตของพวกเขาต้องพึ่งพิงคนเหล่านี้
ในขณะที่คนชั้นกลางในเมืองให้ความสำคัญกับตัวเอง หรือหลักการความถูกต้อง ซึ่งจำเป็นในการบริหารองค์กรขนาดใหญ่
ช่องว่างทางความคิดนี้เป็นที่มาของความขัดแย้งหลายประการในสังคมไทยปัจจุบันเช่น ความขัดแย้งว่าการเมืองไทยควรจะมีลักษณะอย่างไร
การพัฒนาประเทศต่อไปควรจะมีแนวทางอย่างไร ศิลปวัฒนธรรมดั้งเดิมควรได้รับการทะนุบำรุงอย่างไร
ความอยุติธรรมอย่างยิ่งในสังคมไทย คือ การที่สามารผูกขาดทัศนะในการมองโลกได้ ในขณะที่ทัศนะของคนบางกลุ่มถูกเพิกเฉยละเลยโดยสิ้นเชิง ในภาคที่สองของการสัมมนา
เป็นการนำเสนอภาพของอนาคตและข้อคิดเกี่ยวกับการวางนโยบายสำหรับอนาคตทั้งทางด้านเศรษฐกิจสังคม
กฎหมายและการเมืองซึ่งมีข้อสรุปดังต่อไปนี้ ทางด้านเศรษฐกิจนั้น
เศรษฐกิจโลกมีผลกระทบ ไม่เฉพาะแต่เศรษฐกิจไทยเท่านั้น แต่จะกระทบพฤติกรรมทางการเมืองด้านนโยบาย
และโยงต่อไปถึงด้านอื่น ๆ ด้วย ผลกระทบจากการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในสังคมไทยนั้น
แตกต่างกันในกลุ่มคนต่าง ๆ เช่น คนชนบท คนเมือง คนจน คนรวย ดังนั้นนโยบายการพัฒนาต้องเปิดโอกาส
ทางเลือก ให้แก่กลุ่มคนที่ขาดศักยภาพและโอกาสที่จะได้รับประโยชน์เต็มที่ ทางด้านสังคมการเสื่อมกำลังของชุมชนและครอบครัว
เรียกร้องให้รัฐมีบทบาทในการจัดการ สวัสดิการสังคม แต่ที่ผ่านมานโยบายสวัสดิการสังคมไม่ได้รับการตอบสนองในระดับการปฏิบัติ
จึงควรส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิดองค์กรประชาชน ที่เป็นอิสระจากราชการควรมีการกระจายอำนาจให้ชุมชนและประชาชนในท้องถิ่น
ในด้านการบริหารการคลัง สวัสดิการ และการเมืองท้องถิ่น ทางด้านกฏหมายที่ผ่านมากฏหมายไทยเอื้อประโยชน์ต่อกลุ่มคนที่มีอำนาจต่อรองสูง
ข้อเสนอในการปรับปรุง คือประการแรก กฎหมายน่าจะมีบทบาทในการกำหนดกรอบการสร้างกติกาที่เป็นธรรมในสังคม
ประการที่สอง จะต้องมีการขยายการมีส่วนร่วมของคนหลายกลุ่มมากขึ้นในการออกกฎหมาย ประการที่สาม
ทั้งตัวบทกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมควรมีความโปร่งใสมากขึ้น ทางด้านการบริหารราชการ
การทำงานของราชการยังมีความเป็นเอกเทศสูง ขาดความโปร่งใสและขาดการตรวจสอบจากภายนอก
ในขณะเดียวกันความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วทางเศรษฐกิจและธุรกิจ ตลอดจนความซับซ้อนทางเทคนิคของกิจการงานต่าง
ๆ ก่อให้เกิดปัญหาในการทำงานของราชการ จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องปรับปรุงคุณภาพความรู้ประสิทธิภาพและค่าตอบแทนของราชการ การสัมมนาเช่นนี้ย่อมมีข้อจำกัด
เนื่องจากประเด็นทางสังคมมีเนื้อหากว้างขวางมาก ขีดจำกัดทางด้านเวลาและรูปแบบของการประชุม
ย่อมทำให้ไม่สามารถหาข้อยุติร่วมกันและยังไม่สามารถหาวิถีทางปฎิบัติอย่างชัดเจนได้ แต่การสัมมนานี้
ก็ได้ชี้ให้เห็นว่าการพัฒนาที่ผ่านมานั้น ได้สร้างความทันสมัยและชีวิตที่สะดวกสบายอิสระเสรีขึ้น
แต่ก็ได้สร้างช่องว่างอันล้ำลึก ทั้งในด้านเศรษฐกิจและสังคมขึ้นในสังคมไทย และเป็นปัญหาสำคัญที่จะต้องนำไปถกเถียงอภิปรายต่อไปอีกในวงการต่าง
ๆ บัดนี้ได้วาระอันเป็นอุดมฤกษ์แล้ว
ข้าพระพุทธเจ้าขอพระราชทานพระราชวโรกาสพระราชทานพระราโชวาท เพื่อเป็นศิริมงคลและเป็นแนวทางปฏิบัติให้เกิดผลและเพื่อปิดการประชุมในครั้งนี้ ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม |