รวมปาฐกถาภาษาไทย สุนทรพจน์และคำกล่าวเปิดการประชุม
เรื่อง วิถีอนุรักษ์กับการพัฒนาที่ยั่งยืน โดย นายอานันท์ ปันยารชุน
ประธานสภาสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย เนื่องในการประชุมสมัชชาเยาวชน
แห่งชาติ ครั้งที่ ๑ วันที่ ๔ มิถุนายน ๒๕๔๒ ณ ศูนย์ประชุม
องค์การสหประชาชาติ
ท่านผู้มีเกียรติทุกท่าน ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ที่ได้รับเชิญให้มากล่าวสุนทรพจน์นำในการประชุมสมัชชาเยาวชน
เพื่อการอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อมครั้งที่ ๑๔ ตลอดจนเป็นประธานเปิดการประชุมสมัชชาเยาวชน
แห่งชาติในวันนี้ พัฒนาการและความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของโลก
ได้เปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตมนุษย์ไปจากเดิมอย่างมากมาย จากที่เคยมีชีวิตอยู่อย่างเรียบง่ายกับธรรมชาติ
มาสู่การดัดแปลงธรรมชาติ เพื่อตอบสนองความต้องการของตน วิถีชีวิตและพฤติกรรมมนุษย์ที่เปลี่ยนแปลงไปดังกล่าว
ดำเนินการไปได้โดยอาศัยพลังงานเป็นฐานสำคัญทั้งสิ้น เนื่องจากไม่มีกิจกรรมใดของมนุษย์ที่เกิดขึ้นและดำเนินไปโดยไม่ใช้พลังงานตามธรรมชาติที่มีอยู่ในโลก
ดังนั้นวิถีชีวิตหรือพฤติกรรมของมนุษย์กับการใช้พลังงานและผลกระทบจากการใช้พลังงาน
จึงมีความสัมพันธ์กันอย่างแยกไม่ออก มีการคาดการณ์กันว่าหากการใช้พลังงานของโลกยังคงขยายตัวเพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ
๓.๕ ทุกปี เช่นนี้ทรัพยากรพลังงานแหล่งสำคัญ เช่น ก๊าซธรรมชาติ จะหมดไปจากโลก ภายในเวลาเพียง
๕๐ ปีเท่านั้น วิถีชีวิตของมนุษย์ ซี่งปรับเปลี่ยนไปสู่การบริโภคที่ใช้พลังงานและทรัพยากรธรรมชาติ
เป็นจำนวนมากอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนหน้านี้ จึงก่อให้เกิดวิกฤตการณ์ธรรมชาติ และวิกฤตการณ์มนุษย์ที่รุนแรงอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนด้วย
ผลกระทบดังกล่าวมิใช่เพียงกระทบต่อปริมาณของทรัพยากร ซึ่งมองเห็นได้ว่ากำลังลดลงอย่างชัดเจนเท่านั้น
แต่ยังได้เข้าไปทำลายถึงรากฐานความสัมพันธ์ขององค์ประกอบย่อยต่าง ๆ ในระบบนิเวศ ซึ่งเชื่อมโยงกันอยู่อย่างสลับซับซ้อนให้เสียสมดุล
จนระบบนิเวศอาจจะไม่ฟื้นตัวได้อีก สำหรับประเทศไทย ตลอดระยะเวลาของการพัฒนาประเทศ
ตั้งแต่แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑ ซึ่งเริ่มเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๐๔ จนสิ้นแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ฉบับที่ ๖ รัฐได้มุ่งเน้นการพัฒนา เพื่อมุ่งไปสู่ความทันสมัยตามแบบอย่างตะวันตก เกิดถนนสายหลักและสายรอง
เชื่อมต่อกันเป็นโครงข่ายในทุกภูมิภาค มีเขื่อนและโรงงานผลิตกระแสไฟฟ้า เกิดขึ้นหลายแห่ง
มีโรงงานอุตสาหกรรมซึ่งเป็นแหล่งสร้างงาน สร้างรายได้เกิดขึ้นอย่างมากมาย วิถีชีวิตของคนไทย
ปรับเปลี่ยนจากสังคมเกษตร ไปสู่สังคมแห่งการบริโภค ทรัพยากรธรรมชาติ ซึ่งเราเคยมีอย่างอุดมสมบูรณ์จึงถูกนำมาใช้อย่างต่อเนื่อง พื้นที่ป่าไม้ของไทยที่ในอดีตที่เคยมีอย่างอุดมสมบูรณ์
ในปัจจุบัน ได้ลดลง เหลือเพียงร้อยละ ๒๕ ซึ่งอยู่ในสภาพเสื่อมโทรม ขณะเดียวกันการลดลงของพื้นที่ป่าไม้
ได้ทำลายความหลากหลายทางชีวภาพของประเทศไทยอย่างรุนแรงและต่อเนื่อง ทรัพยากรน้ำซึ่งเป็นปัจจัยที่สำคัญยิ่งต่อภาคการผลิตของเกษตรกรผู้ยากจน
และเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ ประสบกับสภาวะขาดแคลน จนรัฐบาลต้องเข้าไปจัดการให้มีการจัดสรรการใช้น้ำ
เพื่อกระจายปริมาณน้ำที่มีอยู่จำกัดให้พอเพียง วิกฤตการณ์ขาดแคลนน้ำจืดกำลังจะกลายเป็นปัญหาใหญ่ของประเทศไทยและของโลก เราได้ใช้ทรัพยากรพลังงาน
ทั้งถ่านหิน น้ำมันก๊าซธรรมชาติ และพลังงานน้ำ เพื่อรองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
และตอบสนองความต้องการของประชากรทั้งประเทศ แต่ขณะเดียวกันก็ก่อให้เกิดผลเสียต่อระบบนิเวศธรรมชาติ
สร้างมลภาวะที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของประชาชนโดยตรง ที่สำคัญมลพิษอันเกี่ยวเนื่องกับการใช้พลังงานในประเทศไทยมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างน่าวิตก นอกจากปัญหาความเสื่อมโทรมทางทรัพยากรธรรมชาติ
แล้วการขยายตัวอย่างรวดเร็วของชุมชนเมือง โดยไม่สอดคล้องกับอัตราการขยายตัว ของบริการสาธารณูปโภคและสาธารณูปการ
จนเกินขีดความสามารถของทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่ดังกล่าวจะรองรับ ก็ทำให้เกิดปัญหาความแออัด
ความสกปรก ขยะมูลฝอย น้ำเสียต่าง ๆ ยิ่งไปกว่านั้นลักษณะโครงสร้างและการบริหารจัดการที่ซ้ำซ้อนของภาครัฐเอง
ทำให้การควบคุมปัญหามลภาวะและมลพิษทางอุตสาหกรรมด้อยประสิทธิภาพ ในสมัยที่ผมเป็นนายกรัฐมนตรี
ซึ่งอยู่ในระยะของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๗ ผมและคณะผู้บริหารประเทศขณะนั้น
จึงให้ความสำคัญในการรักษาสิ่งแวดล้อม และทรัพยากรธรรมชาติ ไม่น้อยไปกว่าการพัฒนาเศรษฐกิจ
ด้วยตระหนักดีว่า หากทรัพยากรธรรมชาติถูกทำลาย สภาวะแวดล้อมก็จะขาดสมดุล แล้วคุณภาพชีวิตของคนซึ่งเป็นเจ้าของประเทศที่แท้จริง
จะดีได้อย่างไร จึงได้ออกพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ
เป็นกฎหมายเฉพาะเรื่องสิ่งแวดล้อมฉบับแรกของประเทศ เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๕ พร้อมกับออกพระราชบัญญัติการส่งเสริมอนุรักษ์พลังงานในปีเดียวกัน แต่อย่างไรก็ตาม
การที่จะคงไว้ซึ่งสมดุลของคุณภาพสิ่งแวดล้อม การใช้ทรัพยากรพลังงานและคุณภาพชีวิตของประชาชนไม่ใช่เรื่องง่าย
เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ต้องอาศัยความพยายาม และความร่วมมือจากทุกฝ่าย และจากคนทั้งประเทศ
ที่จะต้องช่วยกันหาความพอดี ระหว่างวิถีอนุรักษ์ กับการพัฒนาที่ยั่งยืน ปัจจุบัน
เรากำลังอยู่ในระยะของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๘ ที่มุ่งเน้นการพัฒนาคน
ซึ่งเป็นทรัพยากรที่มีความสำคัญที่สุดของชาติ นับว่าเป็นทิศทางการพัฒนาที่ถูกต้อง
โดยเฉพาะเยาวชน ซึ่งเป็นทุนทางสังคมอันสำคัญ ที่จะต้องเติบใหญ่ขึ้นมาเป็นกำลังหลัก
ต้องแบกรับภาระในการพัฒนาชาติบ้านเมืองต่อไปในอนาคต จะต้องรู้จักหน้าที่ที่จะพัฒนาตนเอง
ให้เป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถและปรับตัวให้ทันกับกระแสการเปลี่ยนแปลง ซึ่งเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในยุคข้อมูลข่าวสาร
แต่อย่างไรก็ตาม ลำพังเพียงความเก่งอย่างเดียว คงจะไม่เพียงพอ คนเก่งที่เห็นแก่ตัว
คิดแต่จะใช้ความเก่ง เพื่อสร้างความร่ำรวยให้ตนเอง มองผลประโยชน์ส่วนตนเป็นที่ตั้งก็จะทำให้บ้านเมืองเสียหาย
และสังคมจะเกิดช่องว่าง ผมอยากเห็นเยาวชนเติบโตขึ้นเป็นคนดีมีความรับผิดชอบ ซื่อสัตย์
สุจริต มีความรักในศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณีของไทย ภาคภูมิใจในความเป็นคนไทยและมีวิถีชีวิตอย่างไทย
ซึ่งเป็นวิถีแห่งสังคมที่อยู่กับธรรมชาติอย่างพึ่งพิงด้วยความเป็นกัลยาณมิตร ที่สำคัญ
จะต้องเติบโตขึ้น และมีคุณธรรมในการตัดสินใจกำหนดวิถีชีวิต สังคมจึงจะอยู่รอด เป็นสังคมที่ร่มเย็นอย่างแท้จริง
และในบรรดาคุณธรรมเพื่อการอยู่รอดทางสังคมนั้น ความเป็น ประชาธิปไตย ซึ่งหมายถึงการเคารพในสิทธิหน้าที่และการยอมรับในเหตุผลที่ถูกต้อง
โดยมองประโยชน์ของบ้านเมืองเป็นที่ตั้ง จะเป็นหัวใจสำคัญในการสร้างความเป็นปึกแผ่น
และลดกระแสความขัดแย้งในสังคม ที่กำลังระบาดอยู่อย่างแพร่หลาย ในขณะนี้ การที่เยาวชน
จะเตรียมตนเองให้พร้อมรับกระแสการเปลี่ยนแปลงของประเทศและของโลกดังกล่าว ต้องแสวงหา
การเรียนรู้ เพิ่มเติมจากประสบการณ์ตรง ลำพังความรู้ที่ได้จากห้องเรียนหรือจากการอ่านตำราไม่เพียงพอ
เยาวชนจะต้องนำความรู้ที่มีอยู่ออกมาสู่การปฏิบัติ แลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์
โดยการทำงานร่วมกันเป็นหมู่คณะ ใช้สถานการณ์ปัญหาที่มีอยู่จริงเป็นห้องเรียน ห้องเรียนแห่งชีวิต
ดังกล่าว นอกจากจะทำให้เยาวชน ได้รับความรู้และประสบการณ์อย่างฝังแน่นแล้ว ผลจากการได้ร่วมกันทำงานจะสร้างความเป็นเพื่อน
และความสนิทสนมซึ่งกันและกัน จนทำให้เราเกิดการเรียนรู้เรื่องกฏระเบียบของสังคม ที่จะทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ดีประการสำคัญ
จะทำให้รู้จักปรับเปลี่ยนวิธีคิด เปลี่ยนวิถีการดำรงชีวิตให้สอดคล้องกับวิถีการอนุรักษ์
และค้นหาความสมดุลในการพัฒนาได้อย่างลงตัว ดังนั้น การที่เยาวชนจากทุกภูมิภาคทั่วประเทศได้รวมตัวกันจัดตั้งสมัชชาเยาวชน
เพื่อร่วมกันอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อมของท้องถิ่น และประเทศชาติ จึงนับเป็นเรื่องที่ถูกต้อง
เป็นพัฒนาการอันยิ่งใหญ่ของสังคมไทย ผมขอแสดงความชื่นชมต่อสมัชชาเยาวชน และผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย
ที่ได้ให้การสนับสนุนการจัดตั้งสมัชชาเยาวชน และจัดการประชุมสมัชชาเยาวชนแห่งชาติครั้งนี้ขึ้น
ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเวทีเยาวชนแห่งนี้จะยั่งยืน และพัฒนาไปอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างเยาวชนรุ่นใหม่
สร้างค่านิยมใหม่ ให้กับสังคมผมขอให้เยาวชนทุกคนที่เข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ จงเก็บเกี่ยวความรู้และประสบการณ์ที่ได้รับจากการประชุม
และผนึกกำลังกันเป็นเครือข่ายที่แน่นแฟ้น เพื่อร่วมกันแก้ปัญหาวิกฤตพลังงานและสิ่งแวดล้อม
ซึ่งเป็นปัญหาส่วนรวม ที่กระทบกระเทือนความเป็นอยู่ของคนไทยทั้งประเทศอย่างจริงจัง
เพื่อประโยชน์ต่อท้องถิ่นและประเทศชาติ และที่สำคัญที่สุด เพื่อเป็นมรดกอันล้ำค่า
ให้กับอนุชนคนรุ่นหลังของเราสืบไป ผมขอเปิดการประชุมสมัชชาเยาวชน เพื่อการอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ
ครั้งที่ 1 ณ บัดนี้ ขอให้การประชุมครั้งนี้จงสัมฤทธิ์ผลสมดังวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ทุกประการ |