รวมปาฐกถาภาษาไทย ปาฐกถา
เรื่อง ความสัมพันธ์ไทย ลาว โดย นายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี
วันที่ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๓๗ ณ โรงแรมล้านช้าง นครเวียงจันทน์ สปป. ลาว ท่านรองนายกรัฐมนตรีคำผุย
คณะรัฐมนตรี ฯพณฯ คำผาย ท่านเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเวียงจันทน์ ท่านผู้มีเกียรติทั้งฝ่ายลาวและฝ่ายไทย
ผมขอยอมรับว่าเมื่อได้รับเชิญมาพูด ณ ที่นี้และ ณ บัดนี้นั้น ผมมีความประหม่าเล็กน้อย
ที่ประหม่านั้นไม่ใช่อะไรเลย เพราะว่ามองดูเวลาแล้วเวลานี้ทุ่มสี่สิบห้านาที ถ้าผมมาพูดก่อนทานอาหารค่ำนั้น
ผมเองและท่านทั้งหลายนอกจากไม่สนใจว่าผมจะพูดอะไรแล้ว แถมจะด่าผมด้วยถ้าผมพูดยาว
เพราะทุกท่านที่มานี้ผมแน่ใจว่า ส่วนใหญ่ไม่ได้มาฟังผมพูด แต่มาเพื่อที่จะมาเป็นเกียรติให้กับสมาคมมิตรภาพลาว-ไทย
กับกิจกรรมที่เราได้จัดขึ้นในค่ำคืนวันนี้ ซึ่งผมมีความยินดีเป็นอย่างมาก ที่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องและได้เห็นถึงความสนใจทั้งฝ่ายไทยและฝ่ายลาวเป็นผลสำเร็จเป็นอย่างดี
หลายคนอาจจะแปลกใจคณะกรรมการฝ่ายไทย ว่านายอานันท์ซึ่งพ้นจากหน้าที่นายกรัฐมนตรีมาแล้ว
๒ ปี ทำไมถึงยังมายุ่งเรื่องลาวอยู่ เพราะฉะนั้นเพื่อจะให้หมดความสงสัยว่าทำไมนายอานันท์นี้
ปัจจุบันนี้ ๖๒ แล้ว แล้วก็มีกิจกรรมมากมายที่จะต้องทำ แต่ทำไมถึงอยากจะเห็นอนาคตที่ดีของความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับลาว
ถ้าเผื่อจะดูประวัติแล้ว พ่อผมมาจากเชื้อสายมอญอยู่ทางภาคตะวันตกของประเทศไทย ไม่มีอะไรเกี่ยวกับลาว
แม่ผมมาจากจีน เชื้อสายจีน จีนแคะ ก็ไม่มีอะไรเกี่ยวกับลาวอีก ผมไม่มีพี่น้อง ปันยารชุน
อยู่ภาคอีสานเลยภาษาลาวก็พูดไม่ได้ แต่ตั้งแต่ไหนแต่ไรตั้งแต่ผมเรียนหนังสือจบแล้วไปอยู่กระทรวงการต่างประเทศอายุ
๒๓ ขวบ และเมื่อเข้ารับราชการใหม่ ๆ หลังจากนั้นก็ไปอยู่เป็น เลขานุการรัฐมนตรี ผมได้เห็นว่าในกระทรวงการต่างประเทศนี่ก็มีกรมมีกองมากมาย
แต่มีกองอยู่กองหนึ่งเป็นกองที่มีงานมากที่สุด กองนั้นคือกองเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อยู่ภายใต้กรมการเมืองกองนั้นเขาต้องดูแลประเทศหลาย
ๆ ประเทศที่อยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือนี้ และในจำนวนงานมากมายที่เขาต้องประสบอยู่นั้น
งานส่วนใหญ่เป็นงานเกี่ยวกับไทยและลาว ปัญหามีมากมายสถานการณ์การเมืองปัญหาความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีนัก
ปัญหาบางครั้งชาวไทยเราเอาเปรียบลาว ปัญหา รสพ. ปัญหาคนไทยที่ทำตัวเป็นพี่ในทางอายุ
แต่ไม่ทำตัวเป็นพี่ในทางจิตใจ ปัญหาของประเทศไทยหรือของรัฐ รัฐบาลไทยในยุคเก่า ๆ
ที่มองเห็นลาวเป็นประเทศที่เล็กกว่า มีพลเมืองน้อยกว่า มีพื้นที่น้อยกว่า และเป็นประเทศที่เราอาจจะตักตวงผลประโยชน์ทุกด้านจากลาวได้
ในขณะเดียวกันทางด้านลาวนั้นก็มีความใจน้อยและอาจจะเกิดปมด้อยด้วย ที่ทุกครั้งที่ถูกพี่ใหญ่รังแกแทนที่จะพยายามพูดให้เข้าใจซี่งกันและกัน
ความมีปมด้อยก็ดี หรือความที่มีลักษณะที่ละเอียดอ่อนก็ดี ทำให้ปัญหาต่าง ๆ ระหว่างประเทศของเราทั้งสองนั้น
แทนที่จะแก้ไขได้ดี ๆ นั้นกลายเป็นปัญหาที่หนักมากขึ้น ๆ และถ้าจะดูจากประวัติศาสตร์ไทย
ระหว่างไทยกับลาวนั้น เรามีปัญหากันมาช้านานทั้ง ๆ ที่เราเป็นประเทศบ้านใกล้เรือนเคียง
เป็นประเทศบ้านพี่เมืองน้อง แต่ความสัมพันธ์ในอดีตไม่ได้เป็นผลสะท้อนของคำพังเพยที่ผมพูดมา
เราผ่านยุคหลายยุคหลายสมัย และเราผ่านหลายยุคหลายรัฐบาล รัฐบาลที่ทหารปกครองในเมืองไทย
รัฐบาลที่มีอุดมการณ์ขัดแย้งกันระหว่างไทยกับลาว ในขณะเดียวกัน ประเทศมหาอำนาจก็เข้ามายุ่งเกี่ยวในกิจการภายในของประเทศในภูมิภาคนี้ด้วย
โดยเหตุผลทางประวัติศาสตร์ การล่าอาณานิคมก็ดี หรือการต่อสู้สิทธิทางการเมืองก็ดีมีเหตุพัวพันทำให้ไทยเรานั้น
ตกอยู่ในสภาพที่ไม่สามารถกำหนดนโยบายกับลาวด้วยความอิสระ และลาวเองก็ไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะกำหนดนโยบายของประเทศตัวเองด้วยความอิสระ
ปัญหาต่าง ๆ เหล่านี้ที่ผมพูดมาเป็นภูมิหลัง ทำให้ผมมีความรู้สึกว่า เหตุไฉนประเทศของเราทั้งสองประชาชนทั้งสองซึ่งมีเชื้อสาย
เชื้อชาติเดียวกัน มีความร่วมกันในทางด้านวัฒนธรรม ทางด้านประวัติศาสตร์ ทางด้านศาสนา
ทำไมเรายังอยู่กันไม่ได้ ในฐานะพี่น้องและในฐานะเพื่อนบ้าน อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นมากับผมเมื่อ
๔ ปีครึ่งที่แล้วก็เป็นการเปิดโอกาสอีกครั้ง เป็นครั้งแรกในชีวิตของผม ผมคิดว่าถ้าพวกเราสามารถที่จะฟื้นฟูความสัมพันธ์ให้อยู่บนพื้นฐานของความทัดเทียมกันอยู่บนพื้นฐานของความจริงใจ
และอยู่บนพื้นฐานของความเป็นพี่น้องที่แท้จริงที่มีสายเลือดเดียวกันประโยชน์ที่เราจะได้รับนั้น
จะเป็นประโยชน์ที่จะตกกับท่านทั้งหลายและประชาชนทุกคน จากจุดเริ่มต้นนั้น ด้วยความร่วมมือของรัฐมนตรีต่างประเทศในรัฐบาลชุดผม
คือคุณอาสา สารสิน และในการเดินทางมาคราวนี้ แม้จะมีนักธุรกิจมามากมาย แต่ผมก็ดีใจที่มองไปแล้วมีรัฐมนตรีในคณะของผมไม่น้อยกว่า
๔ ท่าน ณ ที่นี้ด้วย มีท่านวีรพงษ์ รามางกูร ซึ่งสมัยที่ผมเป็นนายกฯ นั้น ท่านเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง
ท่านผู้นี้เคยเป็นนักเศรษฐศาสตร์ตัวยง และปัจจุบันนี้ยังเป็นนักเศรษฐศาสตร์ตัวยงอยู่
และครั้งหนึ่งเคยมาอยู่ที่ลาว โดยมาทำหน้าที่ ที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจของรัฐบาลลาว ภายใต้การอุปถัมภ์ของธนาคารโลก
โดยมีหม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร ซึ่งปัจจุบันเป็นประธานธนาคารที่เรียกว่า เอ็กซิมแบงค์
(อิมปอร์ตเอ็กซ์ปอร์ตแบงค์) ซึ่งในรัฐบาลผม หม่อมอุ๋ย ก็เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์
แล้วก็มีท่านโฆษิต ซึ่งเมื่อพ้นราชการไปอยู่ผาแดงนั้น ปัจจุบันเป็นเจ้าหน้าที่ชั้นผู้ใหญ่ที่สุดคนหนึ่งในธนาคารกรุงเทพฯ
ซึ่งเป็นธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คุณโฆษิตนั่งอยู่ในที่นี้ด้วยก็เคยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร
สมัยรัฐบาลอานันท์ ๒ ในขณะนี้ยังมีกลุ่มคนอีกหลายท่านที่เป็นข้าราชการท่านผู้ใหญ่
ในสมัยรัฐบาลผมและสมัยรัฐบาลปัจจุบัน ที่มีความเห็นสอดคล้องกันว่าเราควรจะทำอย่างไร เราควรมีมาตรการอย่างไรที่จะปลูกฝังสัมพันธ์นี้ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
เรามีคุณวิจิตร ผู้ว่าการธนาคารชาติ ร่วมเดินทางมาในคณะด้วย และยังมีอีกหลายท่าน
ซึ่งผมอาจไม่เห็นผมอาจจะจำไม่ได้แต่สิ่งที่ผมอยากจะย้ำในค่ำวันนี้ก็คือว่า เราสามารถฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลให้ดีได้ ในปัจจุบันรัฐบาลของท่านนายกฯ
ชวน ผมเข้าใจว่าเป็นการดำเนินนโยบายที่สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลผม ในขณะนี้เรากำลังพยายามปรับความสัมพันธ์
และเพิ่มพูนความสัมพันธ์ทางด้านเศรษฐกิจและการค้า ด้วยมีการติดต่ออย่างเช่นวันนี้
ระหว่างทั้งประเทศไทยและทั้งประเทศลาวและสิ่งที่ผมได้วาดไว้เพื่อความยั่งยืนของอนาคตของความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับลาวนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดไม่ใช่ความสัมพันธ์ระดับรัฐหรือความสัมพันธ์ระดับเศรษฐกิจเท่านั้น
เพราะรัฐบาลมีไป ๆ มา ๆ มีการเปลี่ยนใจบ้าง มีการขัดผลประโยชน์ทางการเมืองบ้าง หรือแม้แต่ความสัมพันธ์ทางด้านเศรษฐกิจคือ
ทางการค้าก็เป็นไปได้ ในอนาคตก็อาจมีความขัดแย้งกันบ้าง แต่ตราบใดที่เราสามารถที่จะเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประชาชน
ระหว่างคนในท้องถิ่น ระหว่างสถาบันการศึกษา ระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ ที่ไม่เกี่ยวกับรัฐบาล
ย้ำในจิตใต้สำนึกว่าไทยกับลาวต้องอยู่ร่วมกัน เรามีพื้นที่ชายแดนประมาณ ๑,๖๐๐ กิโลเมตร
ปัจจุบันยังไม่มีการปักปันเขตแดน เราจะต้องเริ่มจะเริ่มที่จุดไหนผมไม่ว่า แต่เราจะต้องเริ่ม
แต่เป็นไปไม่ได้ ที่ประเทศเพื่อนบ้านทั้งสองคนจะไม่รู้ว่ารั้วอยู่ที่ไหน เราจะต้องให้ประชาชนทั้งสองด้านรู้ด้วยว่าเขตแดนอยู่ที่ไหน
และในการเจรจานั้น จะต้องมีการอะลุ้มอล่วยซึ่งกันและกัน บางอย่างหรือบางแห่งหรือบางพื้นที่
ทางฝ่ายเราก็อาจจะเสียเปรียบบ้างแต่เราก็อาจจะไปได้เปรียบในพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่ง
แต่เราไม่อาจที่จะบอกว่าจะไม่มีรั้วกั้นหรือไม่ทราบเขตแดนของตัวเอง ในระยะ ๑,๖๐๐
กิโลเมตร และยังมีปัญหาอีกหลายอย่างในเรื่องของที่ลาวเป็นประเทศ land-locked country
รัฐบาลไทยหรือธุรกิจของไทยทุกคนจะต้องช่วยในการขนส่งจากท่าเรือกรุงเทพฯ มาที่ลาวนั้น
อยู่ในราคาที่เหมาะสม เป็นราคาที่มีกำไรและต้องเป็นราคาที่ไม่โหดร้าย ปัญหาความมั่นคงในอดีตนั้น
ปัจจุบันนี้ได้เจือจางไปมาก และเมื่อมีความจริงใจซึ่งกันและกันและเมื่อรัฐบาลลาว
ประชาชนลาว มีความเข้าใจดีว่ารัฐบาลไทยและกองทัพไทย ไม่ได้มีเจตนาที่จะสร้างปัญหาความมั่นคงให้กับรัฐบาล
หรือประชาชนลาวแล้วท่าทีของผู้นำลาวในเรื่องนี้ ก็ได้โอนอ่อนไป และพยายามหันหน้าเข้าหากันเพื่อแก้ไขปัญหาด้วยความร่วมมือของมหาอำนาจประเทศหนึ่ง
สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่พูดกันได้ นอกเหนือไปจากนั้น วันนี้เราเห็นหงสาลิกไนต์
ซึ่งนับวัน ๆ คนไทยเราจะอาศัยพลังไฟฟ้าจากลาวมากขึ้น สมัยผมเป็นนายกรัฐมนตรี ก็มีรัฐมนตรีครั้งแรกประมาณ
๔๐ คน ครั้งที่สองประมาณ ๒๗ คน คุณวีรพงษ์ ที่นั่งอยู่เป็นรัฐบาลกับผมตลอดเวลา กระผมได้ยั่วท่านเสมอว่าผมนั่งข้าง
ๆ ผมไม่แน่ใจว่าระหว่างที่ท่านนั่งประชุมกับผมในคณะรัฐมนตรีนั้น ท่านดูแลผลประโยชน์ของประเทศไทยหรือดูแลผลประโยชน์ของประเทศลาว
ผมโชคดีตอนที่เป็นนายกรัฐมนตรีเพราะนอกเหนือจากมีรัฐมนตรีที่ดูแลเอาใจใส่ใกล้ชิดผลประโยชน์ของประเทศลาวด้วยความเป็นฉันท์มิตรนั่นแล้ว
ผมยังโชคดีที่ในระยะนั้นเป็นระยะที่กองทัพไทย ได้ปรับนโยบายและได้ปรับท่าทีหลายอย่าง
ไม่ใช่เป็นของแปลกประหลาดและไม่ใช่ของที่ปิดบังอะไร แต่ในตอนนั้นท่านผู้บัญชาการทหารบกคือ
พล.อ. สุจินดา คราประยูร และรองผู้บัญชาการทหารบก พล.อ. อิสระพงษ์ หนุนภักดี ไม่ว่าท่านจะมีปัญหาในด้านอื่น
ต่อมาอย่างไรก็ตาม แต่ในระยะที่ผมเป็นนายกรัฐมนตรีครั้งแรกนั้น ทั้งสองนายทหารผู้นี้มีส่วนและมีบทบาทที่ช่วยปรับความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับลาวด้วย
เพราะฉะนั้นในระยะนั้น เป็นระยะที่ทั้งพลเรือนและรัฐบาลและทางด้านทหาร มีความเห็นสอดคล้องกันและดำเนินการทุก
ๆ วิถีทางที่จะสร้างความสัมพันธ์ที่ดีบนฐานที่มีความมั่นคง ในค่ำวันนี้ ผมมีความดีใจในด้านส่วนตัว
ที่ได้กลับมาเยี่ยมเวียงจันทน์หลังจากที่ไม่ได้มา ๒ ปี กว่าแล้ว เมื่อ ๔ - ๕ เดือนที่แล้ว
ผมได้รับเชิญไปเปิด ไปร่วมงานในพิธีเปิดสะพานมิตรภาพระหว่างไทยกับลาว และผมเห็นสะพานแล้วผมมีความประทับใจ
ซาบซึ้ง มาถึงวันนี้และวันเวลานี้ประเทศเราทั้งสองที่มีความสัมพันธ์กันช้านาน สามารถที่จะติดต่อกันได้
สามารถที่จะเดินข้ามน้ำโขงมาได้ สามารถที่จะมีการติดต่อด้วยความใกล้ชิด และเราจะมีความหวังต่อไปว่า
นับวัน ๆ การแลกเปลี่ยน การมาเยือนประเทศของทั้งสองฝ่าย รวมถึงท่านประธานรัฐมนตรีฝ่ายไทย
หรือการมาเยือนลาวของสมเด็จพระบรมฯ ก็ดี สมเด็จพระเทพฯ ก็ดี และบุคคลอื่นของในราชวงศ์ของเมืองไทยนั้น
เป็นขบวนที่ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับลาวแนบแน่นยิ่งขึ้น ราชอาณาจักรไทยและสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวนั้น
มีความแน่นแฟ้นและมีความยั่งยืนนาน แต่เราในวันนี้ที่มาร่วมงานในวันนี้ ทางด้านฝ่ายไทยผมก็แน่ใจว่าทุกท่านนั้นมีความตั้งใจเหมือนผม
เพื่อน ๆ อีกหลายคนที่อยากจะเห็นว่า ไทยกับลาวนั้นต่อไปความบาดหมางใจจะไม่มี ความแคลงน้ำใจไม่มี
เราจะมีแต่ความสันพันธ์ที่ดีหรือความสัมพันธ์ฉันพี่น้อง ฉันมิตรประเทศที่ดี ถอดคำโดย
ศูนย์ข้อมูลลาว มหาวิทยาลัยขอนแก่น |