รวมปาฐกถาภาษาไทย

สารจาก
นายอานันท์ ปันยารชุน
ประธานองค์กรเพื่อความโปร่งใสในประเทศไทย
ตีพิมพ์ครั้งแรกในจดหมายข่าว Transparency Thailand Newsletter
ปีที่ ๓ ฉบับที่ ๑ เดือนมิถุนายน ๒๕๔๔

ปัญหาทุจริตคอรัปชั่นเป็นปัญหาที่ร้ายแรงที่สุดของสังคมไทยในปัจจุบัน รากเหง้าของคอรัปชั่นได้แผ่ขยายและฝังลึกไปสู่สังคมทุกภูมิภาค บ่มเพาะและเพิ่มพูนปัญหาของชาติในทุกด้าน ทั้งด้านการเมือง สังคม และเศรษฐกิจ

คอรัปชั่นส่งผลเสียต่อคนในสังคมทุก ๆ คน ไม่ว่าคนคนนั้น จะดีหรือเลว สุจริตหรือทุจริต คอรัปชั่นทำให้เกิดความอยุติธรรมขึ้นในสังคม เพราะในกระบวนการทุจริตนั้น กำลังมีคนถูกโกง ถูกเอาเปรียบ และได้รับความเดือดร้อน คอรัปชั่นทำให้การบริหารงานในภาครัฐ และภาคเอกชนไม่เป็นไปตามกติกา ประเทศชาติต้องสูญเสียรายได้ที่พึงมี ประชาชนผู้เสียภาษีต้องแบกรับภาระ และที่สำคัญ คอรัปชั่นทำให้เกิดความไม่แน่นอน สมาชิกในสังคมเกิดความไม่ไว้เนื้อเชื่อใจซึ่งกันและกัน ผู้คนเสื่อมศรัทธาในกติกาและกฎหมาย เกิดความขัดแย้งแตกแยกจนสังคมล้มเหลว และเมื่อสังคมใดล้มเหลว สังคมนั้นก็จะอยู่รอดต่อไปมิได้ และไร้ศักยภาพในการพัฒนา ผู้คนปราศจากความสุข ขาดคุณภาพชีวิตที่ดี

ทั้ง ๆ ที่ปัญหาทุจริตคอรัปชั่นเป็นปัญหาเรื้อรังของสังคมไทยมานานหลายสิบปีแต่ก็ยังไม่สามารถแก้ไขให้อยู่ในระดับที่ควบคุมได้ เพราะเรายังไม่มีการแก้ไขปัญหากันอย่างเป็นระบบ ในอดีตที่ผ่านมา ส่วนใหญ่เป็นการแก้ไขปัญหาแบบแยกส่วน มุ่งเน้นการปราบปราม แต่ละเลยการป้องกัน โดยเฉพาะการป้องกันการแก้ไขปัญหาด้วยมิติด้านค่านิยม วัฒนธรรม

ปัญหาทุจริตคอรัปชั่นจึงแยกไม่ออกจากประเด็นเรื่องค่านิยม วัฒนธรรม ที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับหลักปฏิบัติด้านคุณธรรมและจริยธรรมของคนในสังคม ปัจจุบันค่านิยมของสังคมกำลังเปลี่ยนไปเนื่องจากสภาวะการแข่งขันทางเศรษฐกิจและลัทธิบริโภคนิยมที่ส่งเสริมให้คนมีค่านิยมเห็นเงินตราเป็นพระเจ้า และเป็นที่มาของอำนาจ เกียรติยศ และชื่อเสียง ซึ่งส่งผลกระทบต่อความสามารถในการแยกแยะระหว่างอะไรถูก อะไรผิด อะไรดี อะไรเลว และอะไรควรทำและไม่ควรทำ และเมื่อใดคนในสังคมเริ่มมีความเห็นว่า คอรัปชั่นเป็นวิถีหนึ่งของชีวิต และจำยอมว่าเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรม เมื่อนั้นสังคมก็จะหมดอนาคต มีแต่ผุและพังต่อไป

การแก้ไขปัญหาทุจริตคอรัปชั่นด้วยจริยธรรมและค่านิยม จึงเป็นสิ่งจำเป็นต้องแก้ไขควบคู่กันไปในระยะยาว ด้วยการเสริมสร้างกลไกทางสังคมที่ทำให้คอรัปชั่นทำได้ยากและเสี่ยงมากขึ้นในทางสังคมและชื่อเสียงด้วยมาตรการต่อต้านทางสังคม (Social Sanction)

องค์กรเพื่อความโปร่งใสในประเทศไทยพยายามดำเนินกิจกรรมเพื่อกระตุ้นจิตสำนึกของคนในสังคมต้องไม่อดทนและไม่จำยอมต่อการทุจริตคอรัปชั่น แต่ต้องอดทนและมุ่งมั่นในการมุ่งหน้าแก้ปัญหา ทั้งนี้การทำงานใหญ่ต้องใช้ความพยายาม และใช้เวลาเพื่อทุ่มเทอย่างจริงจังและต่อเนื่องด้วยการประสานความร่วมมือรวมพลังจากทุกฝ่ายในสังคม

อานันท์ ปันยารชุน